วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2551

วิถีแห่ง"โนบิตะ"ชยชนะของคนไม่เอาถ่าน

พยายาม "แบบโนบิตะ" ก็เพียงพอแล้ว

พอรู้ว่าฝันประเภทไหนที่สามารถเป็นจริงได้ที่เหลือก็แค่ลงมือทำมันให้กลายเป็นจริง อย่างไรก็ตามคุณไม่จำเป็นต้องกัดฟันสู้จนเลือดตกยางออก จานี้เาจะมาศึกษากันว่าอะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กขี้แย เอื่อยเฉื่อย และโหลยโท่ยอย่างโนบิตะ สามารถทำฝันของเขาให้กายเป็นจริงได้???




พอโนบิตะรองไห้โดราเออม่อนต้องให้ความช่วยเหลือ ???


ผู้อ่านหลายคนคงมีความิดเช่นนี้อู่ในหัว "โนบิตะ วันๆไม่เคยทำอะไร เอาแต่รอความช่วยเหลือจากโดราเอม่อน" แต่หลังจากได้วิเคราะห์ประโยคคำพูดและเนื้อหานี้ พบว่า โนบิตะไดพยายาต่อสู้ เผชิญหน้าตามสไตล์ของเขาเอง แต่เนื่องจากความสามารถที่มีอยู่จำกัด บ่อยครั้งที่ผลลัพธ์จึงไม่ออกมาอย่งที่คาดหมาย

ในยามที่โนบิตะพยายามแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ หรือเมื่อเจอโนบิตะเจอปัญหาประเภทยิ่งแก้ยิ่งวุ่น โดราเอม่อนก็จะคอยพิจารณาสถานการณ์อย่างรอบคอบ และหยิบยื่นของวิเศษให้ความช่วยเหลืออย่างเหมาะสม ดั่งเช่นในตอน "ไขเข้าเจ้าลานน้อย" นิ้โดเรม่อนก็ตอบสนองคำขอความช่วยเหลือจากโนบิะได้อย่างเหมาะสม

"ไขเข้าเจ้าลานน้อย"

ระหว่างพักกลางวัน โนบิตะพยายามเร่งสปิดกินมื้อกลางวันของเขา ด้วยความเร็วสุดแรงเกิด อย่างไรก็ตาม วินาทีที่เขาวางมือจากช้อนลงออดเข้าเรียนภาคบ่ายกับดัง "กริ๊งๆๆๆๆๆๆ"ขึ้นเสียได้ วันนี้โนบิตะต้องแห้วอดเล่นตอนพักกลางวันอีกตามเคย พอเริ่มการเรียนการสอนในตอนบ่ายโนบิตะออกทะเลเมื่อเจอโจทย์เลขที่อาจารย์ตั้งมาให้ จนในที่สุดก็โดนอาจารย์ตำหนิอีกแล้วว่า "เฮ้อ ยังไม่ได้ทำอีกเหรอนี่" หลังเลิกเรียนไจแอนต์กับซุเนโอะมาท้าเขาวิ่งแข่งกลับบ้าน อย่างที่คาดโนบิตะพ่ายแพ้อย่างราบคาบ

กลับมาถึงบ้าน ก็ยังโดนแม่ดักคออีกแล้วว่า "ทำการบ้านให้เสร็จก่อนแล้วค่อยออกไปเล่นข้างนอก" โนบิตะจึงเริ่มลงมือจัดการกับการบ้านของเขา ตอนหันหน้าเข้าหาโต๊ะโนบิตะก็เกิดอาการฟิตขึ้นมา "เอาละ เดี๋ยวจะทำรวดเดียวให้เสร็จเลยคอยดู" ปรากฎว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด พอถูกไจแอนด์และซูเนโอะที่ไปเล่นเบสบอลล้อหนักเข้า "เฮ้! ยังทำไม่เสร็จอีกเหรอ" "การบ้านหมูๆ อย่างนี้เนี๊ยะนะ" "นายนี่มันทึ่มจริงๆ" โนบิตะถึงกับน้ำตาร่วง "ผล่อย!!!" ต้องขอคำปรึกษาจากโดราเอม่อน "ทำไมฉันถึงเกิดมาโง่อย่างนี้"
โดราเอม่อนเห็นสถานการณ์ไม่ดีจึงเอา "ลานสุดฟิต" ออกมาและไขลงบนหัวของโนบิตะ

เท่านั้นเอง มือของโนบิตะก็เริ่มวิ่งเป็นรถจักร การบ้านกองโตก็เสร็จชั่วพริบตา
ครั้นพอวิ่งไปถึงสนามเบสอล ไจแอนด์และซูเนโอะกลับดูถูกเขาอีกว่ "ขืนทีมเรามีไอ้ทึ่มอย่างนาย ประเดี๋ยวก็แพ้อย่างอีหรอบเดิม" ก็จะถึงเทริ์นตีของโนบิตะโดราเอม่อนจึงลงมือไขลานบนหัวจนสุดลาน

ปรากฎว่าไม้แรกของโนบิตะหวดแต่ลมเข้าอย่างจัง โดราเอม่อนจึงแนะนำว่า "ตีแค่เบาๆก็พอ" คราวนี้ลูกเบสบอลจึงหลุนๆไปทางพิชเชอร์ แต่โนบิตะกลับวิ่งได้ครบทั้ง 4 เบสด้วยสปีดสุดพิกัดทำคะแนนให้ทีมได้สำเร็จ

ในที่สุดฟอร์มอันร้อนแรงของโนบิตะก็ช่วยทีมได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น เป็นอะไรที่เกิดขึ้นร้อยทีปีหน วันนั้นโนบิตะสามารถเดินกลับบ้านด้วยความรู้สึกอันปลอดโปร่ง อย่างไรก็ตามลานบนหัวเขายังไม่คลายไม่หมดรอบลง ทันทีที่โนบิตะจรดบั้นท้ายลงบนโต๊ะอาหารทุกสิ่งทุกอย่างก็พลันหาไปราวกับสายลม




รวมเล่มฉบับที่ 11
อย่างที่ท่านผู้อ่านทราบกันดี โนบิตะนั้นมีนิสัยเอื่อยเฉื่อย มาแต่ไหนแต่ไรจึงไม่สามารถทำเรื่องทั่วไปภายในเวลาที่เด็กคนอื่นเขาทำกันได้ ทว่า หากโดราเอม่อนมีนิสัยเอาของวิเศษออกมาช่วยโนบิตะทุกครั้งที่ร้องไห้งอแงแล้ว โดราเอม่อนก็คงเอา "ลานสุดฟิต" ติดลงบนหัวของโนบิตะตั้งแต่แรก

ไม่ว่าโนบิตะจะพยายามตะกรุมตะกรามกินเข้าไปรวดเร็วขนาดไหน ก็ไม่สามาถทานให้หมดภายในเวลาที่จำกัดได้ โจทย์ในห้องที่อาจารย์ตั้งให้ถึงตั้งใจจะแก้ก็แก้ไม่สำเร็จ อยากทำการบ้านให้เสร็จก่อนออกไปเล่นข้างนอกอย่างที่คุณแม่กำชับไว้ แต่ัยังไงการบ้านก็ไม่เสร็จซักที ในที่สุดพอถูกไจแอนด์และซูเนโอะล้อว่าไอ้ทึ่ม และทิ้งเขาไว้ไปเล่นเบสบอลกันแค่สองคน ทั้งๆที่ตั้งใจจะเผชิญหน้าแก้ปัญหาไปทีละจุด แต่โนบิตะกลับถึงน้ำตาร่วงเมื่อต้องมาเจอสถานการณ์เช่นนี้ ณ จุดนี้เองเป็นเวลาที่โดราเอม่อนจะหยิบเครื่องมือวิเศษของเขาออกมาใช้

ปัญหาทุกๆปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องงาน เรื่องกีฬาล้วนแต่กำเนิดมาจากนิสัยอันเอื่อยเฉื่อยของโนบิตะทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามหากอัด "แรงม้า" เข้าไปในตัวของโนบิตะเสียหน่อยแล้ว รับรองว่าย่อมไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ เพราะฉะนั้นโดราเอม่อนจึงเอา "ลานสุดฟิต" ออกมาช่วยโนบิตะที่หัวใจกำลังจะแตกสลาย นี่ก็เป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่ยืนยันว่า โดราเอม่อนไม่ได้ใจอ่อน เอาของวิเศษออกมาช่วยทุกครั้งจนแขนขาโนบิตะไม่เป็นอันกระดิก

เมื่อนำของวิเศษออกมาใช้ ปัญหาของโนบิตะก็คลี่คลายลงไปในช่วงระยะเวลาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะใช้ของวิเศษได้คล่องแคล่วสักเพียงใด ก็ไม่สามารถแก้ไปถึงต้นตอปัญหาต่างๆ ได้ ท้ายที่สุดแล้วความมุ่งมั่น และความอยากลองอยากท้าทาย ที่ช่วยให้ปัญหาต่างๆคลี่คลายลงได้อย่างถาวร

ขอขอบคุณหังสือ "วิถีแห่งโนบิตะ ชัยชนะของคนไม่เอาถ่าน"

โยโดยาม่ ยาสุยุกิ (เขียน)

และ ศณ สุวรรณรัตน์ (แปล)

ถ้าเพื่อนๆ คนใดสนใจในบทความข้างบนนี้แล้วละก็ สามารถหาซื้อหนังสือนี้ได้ ชื่อหนังสือ "วิถีแห่งโนบิตะ ชัยชนะของคนไม่เอาถ่าน" หน้าปกหนังสือจะเป็นรูปข้างบนนะค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น: